วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 6 ที่พักแรม

บทที่ 6
ที่พักแรม


ธุรกิจที่พักแรมในสากล/ต่างประเทศ
ที่พักแรมเกิดขึ้นสนองความต้องการที่พักของนักเดินทางที่ไม่สามารถไปกลับได้ในวันเดียว ปริมาณการเดินทางในอดีตมีไม่มาก
ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ในยุโรปความเจริญทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ทำให้ปริมาณการเดินทางมีมากทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
โรงแรม (Hotel) เป็นประเภทธุรกิจที่พักแรมที่สำคัญในปัจจุบัน กลุ่มหรือเชน (Chain) โรงแรมที่สำคัญ ได้แก่ Intercontinental, Holiday Inn, Marriott, Sofitel, Hilton, Conrad, Sheraton, Hyatt, Le Meridien เป็นต้น

ธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทย
ธุรกิจที่พักแรมสำหรับบริการนักเดินทางต่างชาติในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 4 ย่านพักของชุมชนชาวตะวันตกในกรุงเทพ ฯยุคแรกกิจการโฮเต็ลหรือโรงแรมที่สำคัญในอดีตได้แก่
-โอเรียนเต็ลโฮเต็ล (Oriental Hotel) สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยกลาสีเรือชาวต่างชาติเป็นเพียงอาคารไม้ชั้นเดียว และปรับปรุงรื้อขยายและสร้างใหม่ เป็นโรงแรมมาตรฐานสากลชั้นนำแห่งหนึ่ง
-โฮเต็ลหัวหิน หรือ โรงแรมรถไฟหัวหิน สร้างเสร็จในปีพ.ศ.2465 ในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยกรมรถไฟหลวง จัดเป็นโรงแรมตากอากาศชายทะเลแห่งแรกของไทย ต่อมาให้เอกชนปรับปรุงและเช่าดำเนินการ(เปลี่ยนชื่อเป็นโรงแรมโซฟิเทลหัวหิน)
-โฮเต็ลวังพญาไท เป็นโรงแรมหรูหราในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยปรับปรุงจากพระราชวังพญาไท ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้งดงาม ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
-โรงแรมรัตนโกสินทร์ สร้างเมื่อพ.ศ.2485 ในสมัยรัชกาลที่ 8 โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ต่อมาให้เอกชนเช่าดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็น โรงแรมรอยัล(Royal Hotel) ปัจจุบันยังดำเนินการอยู่

ปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรม
-ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้พัก
-ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก
-ความสะดวกสบายจากบริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย
-ความเป็นส่วนตัว
-บรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม
-ภาพลักษณ์ของกิจการ

ประเภทที่พักแรม
1.โรงแรม (hotel) เป็นที่พักแรมที่นิยมมากของนักท่องเที่ยวทั่วไป ในพระราชบัญญัติโรงแรม ฉบับปีพ.ศ.2547 ได้ระบุข้อความไว้ว่า
"โรงแรม" หมายความว่า สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน
1.1 เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม
-ด้านที่ตั้ง (Location)
-ด้านขนาด (Size)
-ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก (Purpose of visit)
-ด้านราคา (Price/Rate)
-ด้านระดับการบริการ (Service level)
-ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์ (Classification/Grading)
-ด้านความเป็นเจ้าของและรูปแบบการบริหาร (Ownership and management) แบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่
คือ
1.)โรงแรมอิสระ (independent hotel)
2.)โรงแรมจัดการแบบกลุ่ม/เครือ หรือ เชน (chain hotel)
2.ที่พักนักท่องเที่ยว
-บ้านพักเยาวชน หรือ โฮสเทล (youth hostels)
-ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด
-ที่พักริมทางหลวง ได้แก่ โมเต็ล (motel)
-ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก หรือไทม์แชริ่ง (timesharing)
-เกสต์เฮ้าส์ (guesthouse)
-อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว หรือ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ (serviced apartment)
-ที่พักกลางแจ้ง (camp site/caravan site)
-โฮมสเตย์ (homestay) หรือ ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท

แผนกงานในโรงแรม

-แผนกงานส่วนหน้า (front office)

-แผนกงานแม่บ้าน (housekeeping)

-แผนกอาหารและเครื่องดื่ม (food & beverage)

-แผนกขายและการตลาด (sales & marketing)

-แผนกบัญชีและการเงิน (accounting)

-แผนกทรัพยากรมนุษย์ (human resources)

ประเภทห้องพัก

-Single ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว

-Twin ห้องพักเตียงคู่แฝด

-Double ห้องพักเตียงคู่ที่เป็นเตียงเดียวขนาดใหญ่

-Suite ห้องชุดที่ภายในประกอบด้วยห้องตั้งแต่ 2 ห้องขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น